วิธีปรับ โช๊ค tein

วิธีปรับ โช๊ค tein –  โช๊ค TEIN นั้นมี มีปรับนุ่มแข็งได้ 16 ระดับ ( แต่จะสามารถหมุนสวิทบนหัวโช๊คได้ทั้งหมด 24 แก๊ก )  ก่อนอื่นนั้น จะขอบอกก่อนว่า ปรับได้แค่ 16 ระดับเท่านั้นครับ  ส่วนที่มันมีมา 24 แก๊กนั้น ไม่ต้องไปสนใจ  แก๊กที่ 1 – 16 สามารถปรับได้จริง   ส่วนแก๊กที่ 17 – 24 ไม่ต้องไปสนใจครับ ไม่มีผลอะไร

วิธีปรับ โช๊ค tein นุ่มแข็งของ โช๊ค Tein นั้นมีดังนี้

1.  ให้เราหมุนสวิท ตามเข็มนาฬิกาจนสุด ( คือแข็งสุดนั่นเอง )
2.  หมุนตาม เข็มนาฬิกา จนสุด ตามข้อ1  แล้วหมุนย้อน ย้อนเข็มนาฬิกามา 8 แก๊ก  ( เบอร์ 8 คือความ นุ่ม-แข็ง ของโช๊คระดับกลางนั่นเอง )
3.  พี่น้องต้องการ ระดับไหน ก็สามารถปรับเอง ตามใจชอบ โดยยึดจาก ความนุ่มแข็งเบอร์ 8 เป็นหลัก

– ต้องการแข็งขึ้น ก็หมุนปรับตามเข็มนาฬิกา
– ต้องการนุ่มลง ก็หมุนปรับย้อนศรเข็มนาฬิกา
อายุการใช้งานของ วิธีปรับโช๊ค tein

โดยปกติแล้ว โช๊คอัพรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นโช๊คอัพ สำหรับรถกระบะ หรือรถเก๋งมัก มีอายุการใช้งาน อยู่ที่ 50,000-100,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี เมื่อคุณใช้งาน มาถึงระยะใดก่อน ก็ควรจะเปลี่ยน โช๊คอัพใหม่ ตามกำหนด เพื่อให้ รถยังคงสมรรถนะ ที่ดีเยี่ยมเช่นเดิม

แต่ทั้งนี้อายุ ของโช๊คอัพยังขึ้น อยู่กับปัจจัยอื่น ๆ อีกด้วย เช่น รถยนต์บางคัน อาจใช้งานได้ถึง 80,000 กิโลเมตร หรือบางคัน อาจใช้งาน ได้เพียง 35,000 กิโลเมตร โช๊คอัพก็ เสื่อมสภาพ ต้องรีบเปลี่ยนแล้ว เช่นกัน เพราะนอกจากระยะ การประมาณ ที่ว่ามาข้างต้นแล้ว ลักษณะการใช้งาน รถยนต์ก็เกี่ยวข้อง โดยตรงกับอายุ การใช้งานของโช๊คอัพ ด้วยเช่นกัน

ปัจจัยที่ทำให้โช๊คอัพเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

เพราะการใช้งาน ที่หนักหน่วงเกินไป ก็เป็นต้นเหตุให้ โช๊คอัพทำงานหนัก และเสื่อมสภาพเร็วมาก ขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะ การใช้งานและขับขี่ ดังต่อไปนี้

  • ขับขี่บนถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนไม่เรียบเป็นประจำ
  • บรรทุกของน้ำหนักมากเกินเสมอ ๆ
  • ขับขี่ด้วยความเร็วเป็นประจำ หรือขับเส้นทางที่มีโค้งเยอะและต่อเนื่องเสมอ
  • เส้นทางที่ใช้ไม่ใช่ถนนปกติ อาจเป็นถนนลูกรัง ถนนดินแดง เส้นทางขึ้นเขา
  • ติดตั้งไม่ดีตั้งแต่แรก อาจเพราะช่างไม่ชำนาญมากพอ

ประเภทของโช๊คอัพ

แบ่งตามสื่อการทำงานได้ 2 ระบบคือ

1. โช๊คอัพน้ำมัน ใช้น้ำมันไฮดรอลิค เป็นตัวทำงาน ให้เกิดความหนืด เพียงอย่างเดียว ไม่แนะนำสำหรับ รถที่ต้องใช้ความเร็วสูง เพราะการทำงาน ของน้ำมันไฮดรอลิค จะไหลผ่านวาล์ว ภายในลูก สูบจึงทำให้เกิด ฟองอากาศเกิดขึ้นภายใน น้ำมันไฮดรอลิค ซึ่งฟองอากาศ นี้จะทำให้โช๊คอัพ ทำงานได้ไม่ดี เท่าที่ควรเพราะ ถ้าฟองอากาศแตกจะทำให้โช๊คอัพ เกิดการขาดช่วง ในการทำงานระยะหนึ่ง เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ

2. โช๊คอัพแก็ส เป็นการอาศัย การทำงานร่วมกัน 2 อย่าง ระหว่างแก๊สไนโตรเจน กับน้ำมันไฮดรอลิค เมื่อโช๊คอัพได้รับแรงสะเทือน จากพื้นถนน ลูกสูบของโช๊คอัพ ก็จะเลื่อนตัวลงมา ด้านล่างของ กระบอกลูกสูบ ทำให้น้ำมันอีกส่วนไหลผ่านวาล์ว ไปจนถึงด้านล่าง และเข้าไปใน ห้องน้ำมันสำรอง ขณะเดียวกัน น้ำมันในห้องน้ำมันสำรอง จะทำการอัด แก๊สไนโตรเจน ให้เกิดแรงดัน เมื่อแรงดันเกิดขึ้น ก็จะทำให้เกิด ฟองอากาศแตกตัว จึงมีข้อดีตรง ที่ทำให้รถมี ความนุ่มนวล ขณะขับขี่ ลดแรงกระแทก ได้มากกว่า แต่ก็มีราคา ที่สูงกว่าโช๊คอัพน้ำมัน เช่นกัน

อาการแบบไหนที่เป็นสัญญาณเตือนว่าเราควรไปหาร้านจำหน่ายโช๊คอัพได้แล้ว

1. ถ้ากดที่ด้านหน้า ของรถแล้วปล่อย รถมีอาการ เด้งขึ้นเด้งลงหลาย ๆ ครั้งนั่นแปลว่า โช๊คอัพของคุณ อาจเสื่อมสภาพแล้ว โช๊คอัพ ที่ดีเมื่อออกแรงกด จะไม่เด้งไปมาแต่ จะยุบตัวและคืนตัว เป็นระดับปกติ ทันที แต่อย่างไรก็ตามวิธีนี้ไม่สามารถชี้ ชัดอาการอย่าง แน่นอนได้ เนื่องจาก การออกแบบ ช่วงล่างของรถบางรุ่น ที่ต้องการความนุ่มนวล จะมีการให้ตัว ของรถมากกว่าปกติ

2. ตรวจพบน้ำมันรั่วซึม จากตัวโช๊คอัพ หากมีฝุ่นหรือ เศษดินทรายเกาะ บริเวณจุดที่รั่วซึม นั้นแปลว่าโช๊คของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว ไปร้านจำหน่าย โช๊คอัพด่วน

3. ยางรถยนต์ มีอาการสึกไม่เรียบ เสมอกัน

4. แกนโช๊คอัพไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน  เช่น คดงอ บุบ บิดเบี้ยว เป็นต้น

5. รถมีอาการสั่น ยากต่อการบังคับ เมื่อสัมผัสกับผิวถนนที่มีสภาพขรุขระ หรือมีอาการเหินน้ำเมื่อวิ่งอยู่บนนถนนเปียก นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตอาการได้จากหน้าเชิดขณะออกตัว และหน้ารถจะทิ่มลงเมื่อเบรกที่ความเร็วต่ำควรไปพบร้านจำหน่ายโช๊คอัพอย่างไม่ต้องรีรอ

6. เมื่อมีลมมาปะทะที่ความเร็วสูงรถจะเสียการทรงตัวแบบผิดปกติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

7. รถมีอาการโยกคลอนขึ้นลง ไม่นิ่มนวล เมื่อมีการแล่นผ่านทางลาดชัน เนินสะดุดต่างๆ

8. เมื่อจอดรถ ลองสัมผัสที่ตัวโช๊คอัพ ถ้ารู้สึกร้อนแสดงว่าโช๊คอัพยังทำงานอยู่

วิธีเลือกโช๊คที่เหมาะกับตัวเราก่อนไปที่ร้านจำหน่ายโช๊คอัพ

1. ควรดูลักษณะการขับขี่ของคุณว่าเน้นขับช้าหรือขับเร็วและตัวคุณตั้งงบประมาณไว้ที่เท่าไหร่

2. ในที่กรณีขับช้า ขับชิวๆสบายๆไม่รีบเร่ง ขับในเมือง ถนนขรุขระถ้าเน้นในเรื่องของความนุ่มนวล โช๊คและสปริงก็ควรจะนุ่มตามไปด้วย โดยแนะนำค่า K ของสปริงสัก 3.5K

3. กรณีชอบขับเร็ว ชีวิตเร่งรีบทุกวินาทีมีค่า วิถีนักบิดอยู่ในสายเลือด ช่วงล่างก็จะต้องไม่ย้วย เพราะเวลาเข้าโค้งจะไม่เกิดอาการเหวี่ยง โดยแนะนำโช๊คแต่ง สปริง 4K-6K ขึ้นไปตามความชอบ ส่วนโช๊คระดับนี้ส่วนใหญ่จะมาพร้อมสปริง ง่ายที่สุดเพราะมาเป็นคู่ ทำไว้เหมาะสมแล้ว โช๊คอัพแต่งราคาจะสูงขึ้นมาหน่อย มีราคาตั้งแต่ 30,000 ไปจนถึง 60,000 เลยทีเดียว

 

กลับสู่หน้าหลัก – grabncap