โช๊ค hdrive b spec – hdrive b spec พวกเราจะมาจัด ประเภทของ โช๊คอัพรถ แต่งกัน ว่าสำหรับรถยนต์ แต่งแล้วนั้น จะมีชนิดใดบ้าง และผิดแผก กับรถยนต์ทั่วไป เช่นไร ซึ่งประเภทของ โช๊คอัพรถยนต์ แบบแต่งจะแบ่งได้ 3 ประเภท เป็นประเภทสตรัท ปรับเกลียว โดยจำพวก สตรัทปรับเกลียว รอบ ๆ เบ้าสปริงสามารถ ปรับให้สูง-ต่ำได้ดังที่ผู้ครอบครอง รถพอใจ มีสปริงทรงกระบอก เรียกว่า สปริงหลอด
โช๊คอัพ รถยนต์ แบบแต่ง จะแบ่งเป็น 3 แบบ
1.ชนิดปรับความสูง มิได้ลักษณะราว กับของเดิม ๆ ที่ติดมากับรถยนต์ เพียงมีการพัฒนา ให้มีความสามารถ ที่สูงขึ้น หนึบแน่นยึด เกาะผิวถนน ได้ดิบได้ดีขึ้น ซึ่งสังเกตว่า จะไม่สามารถที่ จะปรับความสูงได้ เบ้าสปริงจะมี ขนาดใหญ่เท่าของเดิม ที่ผลิตขึ้น จากโรงงาน เหมาะกับผู้ที่ พอใจความหนึบ โดยยิ่งไปกว่านั้น แล้วก็พอใจ กับระดับความสูงจากพื้นของ ตัวรถยนต์ ไม่อยาก ที่จะให้โหลดหรือ ยกสูงมากไป
2.ชนิดสตรัทปรับเกลียว ได้รับความนิยม พอสมควร รอบ ๆ เบ้าสปริงสามารถ ปรับให้สูง-ต่ำได้ดังที่เจ้าของ รถพึงพอใจ มีสปริงทรง กระบอก เรียกว่า สปริงหลอด ที่ปรับความแข็งแรง หรือเรียกว่า “ค่า K.” ได้ ส่วนขนาด ก็มีนานาประการให้ เลือก ซึ่งจะเห็นได้ว่า พัฒนามาจากแบบ แรกนั่นเอง เป็นที่นิยมเยอะ ที่สุดในวงการ มอเตอร์สปอร์ต บ้านพวกเรา
3. ชนิดสตรัทปรับเกลียว-แบบสไลด์กระบอก แบบสไลด์ กระบอก สามารถปรับ ความสูงที่ ตัวกระบอก ได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งยาก ปรับที่เบ้า สปริงแล้ว ช่วยจัดการ กับปัญหาประเด็น การปรับความ สูง แม้กระนั้น การปรับให้สมรรถณะการทำงาน โดยรวมออกมา ดีนั้นเป็นเรื่องที่ ท้าพอควร นักซิ่งที่ใช้รถ h-drive eco spec ในการ แข่งขันต้องการ สมรรถนะสูง ๆ ทำให้อายุ การใช้งานของ รถสั้นลง การปรับความสูง ของสปริงก็จะยากขึ้น ตามภาวะของรถยนต์สรุป ของแต่ง มีประโยชน์ เช่นไรดูแล้ว ถ้าเรา ๆ ท่าน ๆ ขับในเมืองทั่ว ๆ ไป คงจะไม่มี ความจำเป็นที่ จะต้องไปปรับเปลี่ยน ของเดิม ๆ จะแปลงอีกที ก็แปลงตามสภาพ ของอะไหล่ที่หมด อายุใช้งานแล้ว ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนนักแข่ง สายซิ่ง ที่จะต้องเพิ่ม สมรรถนะให้รถก็ เห็นจะหลีกหนีไม่ได้ แม้กระนั้น ข้อระวังอาจจะเกิดเรื่อง “การโหลดรถโดย “ตัดสปริง” ที่จำต้องใช้ ช่างมีฝีมือสำหรับ การทำและตรวจเช็ค ให้รอบคอบก่อนใช้จริง เพราะว่า ได้โอกาสที่กระบอก สูบจะหักได้ใน ตอนที่ใช้งาน
คุณสมบัติและราคา โช๊ค hdrive b spec
H.DRIVE รุ่น B Sper
- โช๊คอัพในระบบ MONOTUBE
- ออกแบบลูกสูบ ที่มีขนาด 44 มม.
- ปรับสูงต่ำแบบ สไลด์กระบอก
- ปรับค่าความหนืดได้ 16 ระดับ
- สปริงที่ถูกออก แบบมาพร้อมค่า K เพื่อตอบสนอง ในการใช้งานจริง บนท้องถนน
- วัสดุผลิตจากอลูมิเนียม เพื่อลดน้ำหนักและ เพิ่มความทนทาน และความแข็งแรง
- ออกแบบมาเพื่อ ความนุ่มนวล เน้นใช้งานบน ท้องถนน
- สินค้ารับประกับ 1 ปี
ราคา 19,900 บาท
7 ขั้นตอนง่ายๆ รู้ได้ถ้าโช๊คอัพรถคุณมีปัญหา
1. ความมั่นใจขณะขับขี่ลดลง
เมื่อช่วงล่างมี ความผิดปกติ แน่นอนว่า เมื่อขับขี่อาการของโช๊คอัพ ที่มีปัญหาจะสามารถรู้ได้ถึงความไม่มั่นคง เกิดอาการโคลง เหวี่ยงและสั่น เข้าห้องโดยสารมากเกินไป แม้จะขับในความเร็วปกติ ให้สังเกตหน้ารถเวลาขับจะมี อาการหน้าเชิด หรือตอนเบรค หน้ารถจะทิ่มมาก
2. สังเกตเมื่อใช้ความเร็วสูง
รถมีอาการร่อน ไม่เกาะถนน เมื่อใช้ความเร็วสูง ๆ เจอลมปะทะแรง ๆ ผู้ขับจะสังเกตุได้ ว่าพวงมาลัยเบาลงจนผิดสังเกตุ ต้องคอยจับ พวงมาลัยให้มั่น ไม่เช่นนั้นอาจ เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ
3. ขึ้นเนินเจอหลุมก็ระทวยไปหมด
เวลาที่ขับรถขึ้นเนิน ลูกระนาดสูง ๆ จะรู้สึกว่ารถจะเด้ง ขึ้น-ลง หลายครั้ง หรือตอนหลุมเจอบ่อรถก็มีอาการโยนตัวผิดปกติ สันนิษฐานว่าตัวกระบอกโช๊คอัพ เริ่มมีช่วงยุบที่มากเกินไป อาจเป็นเพราะน้ำมันรั่ว หรือยางของตัวโช๊ค เริ่มเสื่อมสภาพ
4. ดูด้วยตาง่ายๆ
หลังจากดูอากการ ของรถขณะขับขี่แล้ว ก็มาสังเกตตอนที่ รถจอดนิ่งกัน ลองก้มดูที่กระบอก โช๊คอัพทั้งสี่ต้น ว่าโช๊คอัพผิดรูป ทรงผิดปกติหรือไม่ ซึ่งถ้ารถบางคัน มีการบรรทุกหนักมาก หรือขับตกหลุม ลงเนินแรงๆ ในบางจังหวะการขับขี่ ก็มีโอกาสที่จะทำ ให้โช๊คอัพนั้นผิดรูปได้
5. คราบน้ำมันที่กระบอกโช๊ค
ต่อมาคือให้สังเกตุที่ กระบอกโช๊คอัพว่า มีรอยเยิ้มหรือคราบน้ำมันมันติด อยู่หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่า โช๊คอัพเริ่มรั่ว ภายในกระบอกโช๊คขาดน้ำมันหล่อลื่น ส่งผลให้การทำงานผิดปกติ สาเหตุที่รั่วก็มาจากยางซีลตัวกระบอกโช๊คที่เริ่มเสื่อมสภาพหรือฉีกขาดจากการใช้งาน
6. ลองกดที่ตัวรถดู
บริเวณจุดของโช๊คอัพทั้ง 4 ล้อ ลองใช้น้ำหนักตัว กดลงแล้วสังเกตว่าตัวรถมีการเด้ง ขึ้น-ลง หลายครั้งหรือโช๊คอัพไม่คืนตัว ที่เรียกว่า “โช๊คตาย” ถ้ามีอาการดังกล่าวนั่นแสดงว่าโช๊คอัพเริ่มเสื่อมสภาพต้องรีบซ่อมแซม
7. ลองจับดูว่าโช๊คร้อนไหม
ปกติแล้วโช๊คอัพรถยนต์เมื่อใช้งานโช๊คอัพจะร้อนจากการทำงานแต่ถ้าโช๊คอัพเสีย ไม่ทำงานก็จะไม่มีความร้อนออกมาที่กระบอกโช๊คอัพ ลองเอามืออังหรือค่อยๆ แตะที่กระบอกโช๊คทั้งสี่ต้นหลังจากขับใช้งานรถดูว่ามีโช๊คอัพต้นไหนที่ไม่มีความร้อนก็สามารถรู้ได้ว่าโช๊คอัพต้นไหนที่เสีย
กลับสู่หน้าหลัก – grabncap